Reverb คืออะไร แล้วทำไมต้องมี
Reverberation หรือ Reverb พูดง่ายๆก็ คือ เสียงก้องที่เราได้ยินในชีวิตประจำวันอยู่ทุกวัน ซึ่งเกิดจากการที่เสียงที่เดินทางผ่านตัวกลาง เช่น อากาศไปกระทบกับวัตถุต่างๆ แล้วสะท้อนกลับมาที่ตัวรับเสียงทำให้เวลาที่เราได้ยินเสียงนั้นเกิดการเหลื่อมกันเกิดขึ้นและนั่นคือการเกิดของเสียงก้องหรือ reverb นั่นเอง
แล้วทำไมเราถึงต้องการเสียงก้องละ เมื่อทำการมิกซ์เสียงเราอาจรู้สึกว่าเสียงนั้นดูแห้งๆแข็งๆ Reverb นี้หละที่จะสามารถช่วยเราได้ เพราะเวลาที่เราอัดเสียงมานั้นเรามักต้องการเสียงที่ dry เพื่อความง่ายต่อการจัดการ แต่มันจะดูไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่ง reverb จะทำให้เสียงนั้น ดูมีมิติ ดูมีความลึกความกว้างมากขึ้น
ประเภทของ Reverb
Hall Reverb: เป็นการจำลอง acoustics ของ concert hall จะให้เสียงเหมือนเล่นอยู่บนเวทีคอนเสิร์ตในที่ปิด
Chamber Reverb: เป็นการจำลอง การสะท้อนของเสียงในห้องเล็กๆ
Room Reverb: เป็นการจำลองเสียงของห้องที่มีขนาดกลางถึงใหญ่
Live or stage Reverb: เป็นการจำลองเสียงแบบบนเวที
Church Reverb: เป็นการจำลองแบบโบสถ์ ที่มีกำแพงหินและเพดานที่สูงมาก
Plate Reverb: เป็น reverb ที่ใช้การสะท้อนเสียงกับแผ่นโลหะ
Spring Reverb: เป็น reverb ที่การสะท้อนของเส้นสปริง
Parameter ของ Reverb ทั่วๆไป
Type: เลือกประเภทของ reverb ที่ต้องการใช้
Size: เลือกขนาดของห้องที่จะทำการจำลองส่วนมากจะมี small medium Large ให้เลือก
Decay: หรือ RT60 คือเวลาที่เสียงใช้ในการลดความดังลงไป 60 dB หรือเงียบไป ง่ายๆคือ เวลาที่จะให้เสียง reverb ยาวเท่าไหร่
Pre-Delay: ระยะเวลาระหว่าง เสียงจริง กับเสียง early reflections แรก
Early Reflections: เสียงสะท้อนที่มาถึงหูในชุดแรก บอกได้ถึงความใหญ่เล็กของห้อง
Diffusion: ปรับปริมาณการสะท้อนและการกระจายของเสียง
Mix: Wet/Dry ปรับว่าสัญญาณเสียงที่มี reverb(wet) รวมกับที่เป็นเสียงที่ไม่มี reverb (Dry)เท่าไหร่
อ้างอิง : LANDR, What Is Reverb? The 8 Step Guide to Mixing’s Most Powerful Effect, by J’vlyn d’Ark.
แปลและเรียบเรียงโดย กิตติธร หิมะสุข